วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 8




บันทึกอนุทิน
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิน
วันพฤหัสบดีที่ 5 เดือนมีนาคม พ.ศ.2558   เวลาเรียน  13.10 - 16.40 น.


กิจกรรม
        ก่อนเข้าสู่เนื้อหาวิชาการเรียนวันนี้  อาจารย์ให้นักศึกษาสวมถุงมือ ด้านที่ไม่ถนัด  แล้วก็วาดรูปมือตัวเอง  
โดยอาจารย์ถามว่า "จำมือตัวเองได้ไหม ว่ามันอยู่กับเรามากี่ปี จำรายละเอียดของมือตัวเองได้ไหม"   แล้วให้นักศึกษาวาดภาพแล้วเก็บรายละเอ๊ยดทุกอย่างมือข้างที่ไม่ถนัด  


รูปมือข้างซ้าย ข้างที่ไม่ถนัด

                  อาจารย์บอกว่า ที่ให้วาดรูปมือนั่นเปรียบเสมือนกับกับสังเกตพฤติกรรมของเด็กพิเศษ  เวลาเจอเด็กต้องมีการจดบันทึกพฤติกรรมเสมอ เวลาเด็กแสดงพฤติกรรมเมื่อไหร่  เราจะต้องเริ่มบันทึกในทันที


เนื้อหาที่เรียน

การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ

      ทักษะของครูและทัศนคติ
              การฝึกเพิ่มเติม
                    อบรมระยะสั้น , สัมมนา  และสื่อต่างๆ
              การเข้าใจภาวะปกติ
                    เด็กมักจะคล้ายลึงกันมากกว่าแตกต่าง  ต้องเรียนรู้ มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กปกติและเด็กพิเศษ  รู้จักเด็กแต่ละคน ว่าเด็กแต่ละคนเป็นอย่างไร มองเด็กให้เป็นเด็ก
              การคัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า
                     การเข้าใจพัฒนาการของเด็ก จะช่วยให้ครูสามารถมองเห็น ความแตกต่างของเด็กแต่ละคนได้ง่าย
               ความพร้อมของเด็ก
                       วุฒิภาวะ  แรงจูงใจ  และโอกาส
              การสอนโดยบังเอิญ
                       ให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่ม  เด็กเข้าหาครูมากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสในการสอนมากขึ้นเท่านั้น  ครูต้องใช้เวลาในการติดต่อไม่นาน  และครูต้องทำให้เป็นเรื่องสนุกสนาน
               อุปกรณ์
                        ต้องมีลักษณะง่ายๆ ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง  เด็กปกติเรียนรู้ที่จะให้ความช่วยเหลือเด็กพิเศษ  และของเล่นในห้องเรียนรวมต้องไม่แบ่งแยกเพศเด็ก 
               ตารางประจำวัน 
                         เด็กพิเศษไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ  กิจกรรมต้องเรียงลำดับเป็นขั้นตอนและทำนายได้   กิจกรรมแรกของวันมักเป็นกิจกรรมการเคลื่อนไหว >เสริมประสบการณ์ >ศิลปะ>กลางแจ้ง>กิจกรรมตามมุม    บ่าย  กิจกรรมเล่านิทาน  เล่นเกมการศึกษา เพื่อรอเวลากลับบ้าน


     ทัศนคติของครู
                ความยืดหยุ่น 
                         ครูต้องตอบสนองต่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็ก   ตอบสนองเป้าหมายเด็ก ต้องตอบสนองสิงที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก เช่นเรื่องจับดินสอ  ต้องสอนให้น้องจับปากกา จับสีให้แน่น จำดินสอให้มั่น  เป้าหมายหลักครู อันไหนสำคัญสุดแก้ส่วนนั้นก่อน ต้องมีการเรียงลำดับความสำคัญบอกเด็กว่าสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำและปรับพฤติกรรม ตั้งเป้าหมายอะไรไว้ ให้บรรลุแค่ส่วนนั้นก่อน
                  การใช้สหวิทยาการ
                         ใจกว้างต่อคำแนะนำของบุคคลในอาชีพอื่นๆ และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรมในห้องเรียน ต้องรวมกิจกรรมเข้ากับการบำบัด 
      การเปลี่ยนพฤติกรรมและการเรียนรู้
                เด็กทุกคนสอนได้  
                           ส่วนมากเด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส 
       เทคนิคการให้เสริมแรง
                วิธีการแสดงออกถึงแรงเสริมจากผู้ใหญ่
                           ต้องตอบสนองด้วยวาจา  ด้วยการชม   พยักหน้ารับยิ้ม ฟัง สัมผัสทางกายด้วยการกอด หอม  และให้ความช่วยเหลือ ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
                 หลักการให้แรงแสริมในเด็กปฐมวัย
                             ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์  ครูให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
                  การแนะนำหรือบอกบท (Prompting)
                              ใช้การย่อยงาน ตามลำดับความยากง่ายของงาน  และการบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตาามลำดับ 
                   ขั้นตอนการให้แรงเสริม
                              สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย สอนจากง่ายไปยาก ให้แรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุด ทีละขั้นไม่เร่งรัด "ยิ่งชิ้นเล็กเท่าไหร่  ยิ่งดีเท่านั้น"  ไม่ดุหรือตี
                  การกำหนดเวลา
                               จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรม การเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสม
                   ความต่อเนื่อง 
                                พฤติกรรมทุกๆอย่างในชีวิตประจำวันต่อเนื่องกันระหว่างพฤติกรรมย่อยๆหลายๆอย่างรวมกัน   สอนแบบก้าวไปข้างหน้า หรือย้อนหลังมาจากข้างหลัง  ต้องสอนผสมกัน
  โดยการลงโทษเด็ก  เอาของเล่นออกจากเด็ก หรือ เอาเด็กออกจากของเล่น
                    การลดหรือหยุดแรงเสริม
                                ครูจะงดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เอาอุปกรณ์หรือของเล่นออกไปจากเด็ก เอาเด็กออกจากของเล่น 




สิ่งที่นำไปใช้
      สามรถนำวิธีการย่อยงานไปใช้กับเด็กพิเศษได้ และได้ทราบถึงหลักการบันทึกหรืองสังเกตพฤติกรรมเด็กพิเศษ ว่าต้องจดบันทึกพฤติกรรมนั้นทันทีที่เด็กแสดงพฤติกรรม





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น